ยำยำช้างน้อย ขึ้นราคาในรอบ 20 ปี แต่ยอดขายยังดี เพราะเป็นขนมมากกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมเดินหน้าเพิ่มปรับโฉม ยำยำ สูตรเด็ด รสชาติใหม่ ชิงแชร์ตลาด 2 หมื่นล้าน 

นายยูจิ มิซุตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า ตั้งแต่ ม.ค.-ธ.ค. 65 มูลค่ารวมของตลาดอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่ม 14% เมื่อเทียบกับปี 64

โดยตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเส้นเหลือง คิดเป็นสัดส่วน 94% ของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหมดและยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในเชิงมูลค่า โดยสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการปรับราคาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองจากเดิมปกติ 6 บาท เป็น 7 บาท ตั้งแต่เดือน ส.ค. 65

ทั้งนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มแมสยังคงทำยอดขายได้ดี จากราคาที่ตอบโจทย์ในภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มพรีเมียมก็เติบโตจากเทรนด์การบริโภคของกลุ่มคนรุ่นใหม่และรสชาติที่หลากหลาย

ปัจจุบัน ยำยำ มีส่วนแบ่งตลาด 21.4% ในเชิงปริมาณ และเป็นอันดับ 2 ในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบเส้นเหลืองในปี 65 ด้วยสถานการณ์ตลาดนั้นยังมีการแข่งขันสูง ทุกแบรนด์พยายามคว้าโอกาสในเซกเมนต์พรีเมียม ด้วยการเปิดตัวรสชาติที่หลากหลาย ด้วยรสชาติใหม่

รวมถึงการสร้าง Brand Collabs ซึ่งแนวโน้มตลาดปีนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมทั้งแบบซองและแบบถ้วย โดยหันมาใส่ใจเทรนด์สุขภาพมากขึ้น ด้านปัจจัยบวกปีนี้ คือ ความต้องการบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น จากราคาที่สมเหตุสมผลต่อค่าครองชีพ สะดวกต่อการบริโภค ส่วนปัจจัยลบ คือ ผลกระทบจากต้นทุนพลังงาน แรงงาน วัตถุดิบสำคัญอย่างแป้งสาลี น้ำมันปาล์ม และส่วนผสมสำคัญในเครื่องปรุงรสมีราคาสูงขึ้น ทำให้กําไรของธุรกิจและห่วงโซ่อุปทานมีความผันผวน

นายยูจิ กล่าวอีกว่า เป้าหมายของ ยำยำ ใน 66 คาดว่าจะมียอดการเติบโตทั้งปีอยู่ที่ 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน (2565) โดยกลยุทธ์สำหรับประเทศไทยจะมีการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมทั้งแบบซองและแบบถ้วย โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับโฉม และการสื่อสารรูปแบบใหม่ ซึ่งจะนําไปสู่การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดยรวม

สำหรับตลาดต่างประเทศอย่างสหภาพยุโรปและจีนจะขับเคลื่อนตลาดโดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เช่นกัน ด้านการลงทุนส่วนของโรงงาน จะลงทุนเพิ่มในด้านการพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแผนพิจารณาการลงทุนขนาดใหญ่ในระยะกลางอีก 2-3 ปี ข้างหน้า

ยำยำช้างน้อย ขึ้นราคาในรอบ 20 ปี

นางสาวชินานันท์ บุญศิริยะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจในและต่างประเทศ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาเราได้ปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ ช้างน้อย ในรอบ 20 ปี โดยขายซองละ 3.30 บาท จากราคาเดิมซองละ 2 บาท

“จริงๆ แล้ว ยำยำช้างน้อยไม่ได้เป็นแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ยังเป็นขนมขบเคี้ยว เราจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะไม่นำไปต้ม แต่จะเริ่มด้วยการบีบให้แหลก ใส่เครื่องปรุง เขย่าๆ แล้วก็ทานเลย”

ปัจจุบันเรามียำยำช้างน้อย 5 รสชาติได้แก่ รสข้าวโพด รสบาร์บีคิว รสต้มยำกุ้ง รสโนริสาหร่าย และรสซุปเปอร์เลม่อน ส่วนยำยำช้างน้อย ออริจินัล ที่เลิกขายและเลิกผลิตไปแล้วนั้นเราเคยนำกลับมาขายเป็นช่วงเวลาพิเศษฉลองยำยำช้างน้อยครบ 40 ปีในช่วงปี 2561

อย่างไรก็ตาม ยำยำมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองและครอบคลุมทุกเจเนอเรชัน ดังนี้

– ยำยำ ช้างน้อย กลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 6-12 ปี
– ยำยำ คัพ และ ยำยำ สูตรเด็ด แบบซองและแบบถ้วย กลุ่ม New Generation หรือ Gen-Z
– ยำยำ จัมโบ้ กลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่ 18-55 ปี

โดยผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับหนึ่งของแบรนด์ ยำยำ คือ ยำยำ จัมโบ้ รสหมูสับ รสต้มยำกุ้ง และ รสต้มยำกุ้งน้ำข้น ส่วนในกลุ่มพรีเมียม คือ ยำยำ สูตรเด็ด สไปซี่ล็อบสเตอร์

นอกจากนี้ ยำยำ มีการนำข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยผู้บริโภคมาปรับปรุงและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่แบรนด์ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีทั้งด้านบรรจุภัณฑ์และรสชาติใหม่ ซึ่งเราจึงพัฒนา ยำยำ สูตรเด็ด โฉมใหม่ มีจุดเด่นสำคัญ

เช่น มีเนื้อสัมผัสของบะหมี่ที่มีความเหนียวนุ่ม เส้นเข้ากันได้ดีทั้งกับซุปและซอส พัฒนารสชาติของเครื่องปรุงผงและน้ำมันให้มีความเข้มข้นในทุกรสชาติ เปิดตัวรสชาติใหม่ คือ กลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลซอสครีมปู แบบแห้ง รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เน้นการปรับโฉมของ โลโก้ ยำยำ สูตรเด็ด รูปแบบใหม่ ให้ดูโดดเด่นมากขึ้น

สำหรับแผนการรุกตลาดนั้นจะเป็นแบบ 360 องศา ภายใต้แคมเปญ Beyond Irresistible พร้อมทุ่มงบการตลาดถึง 70 ล้านบาท โดยสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัล สื่อนอกบ้านและการนำเสนอโปรโมชันผ่านทุกช่องทางการขาย พร้อมจัดกิจกรรมชงชิมและส่งเสริมการขายตลอดทั้งปีทั่วประเทศ พร้อมดึงตัว โบกี้ไลอ้อน ซึ่งเราเชื่อว่า โบกี้ไลอ้อน จะสามารถกระตุ้นการรับรู้ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์

สำหรับคุณ